พุทธศาสนสุภาษิต
พุทธศาสนสุภาษิต คาสอนในพระพุทธศาสนามีองค์ 9 ประการ ที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์ ได้แก่ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม และ เวทัลละสุขกามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน น หึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน เปจฺจ โส ลภเต สุขํ
สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน ไม่เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นละไปแล้ว ย่อมได้สุข
สเจ ปุพฺเพกตเหตุ สุขทุกฺขํ นิคจฺฉติ
โปราณกํ กตํ ปาปํ ตเมโส มุญฺจเต อิณํ
ถ้าประสบสุขทุกข์ เพราะบุญบาปที่ทําไว้ก่อนเป็นเหตุ ชื่อ ว่าเปลื้องบาปเก่าที่ทําไว้ ดุจเปลื้องหนี้ ฉะนั้น
โย ปุพฺเพ กรณยี านิ ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ
วรุณ กฏฺฐํ ภญฺโชว ส ปจฺฉา อนุตปฺปต
ผู้ใดปรารถนาทํากิจที่ควรทําก่อนในภายหลัง
ผู้นั้นย่อมเดือดร้อนในภายหลัง ดุจมาณพ (ผู้ประมาทแล้วรีบ) หักไม้กุ่ม ฉะนั้น
อถ ปาปานิ กมฺมานิ กรํ พาโล น พุชฺฌติ
เส หิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทํากรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก เขาเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้
อติ สีตํ อติอุณหํ อติสายมิทํ อหุ
อิ ติ วสิฏฺฐฺ กมมฺนเต อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว
ประโยชน์ ทั้งหลายย่อมล่วงเลยคน ผู้ทอดทิ้งการงาน ด้วยอ้างว่า หนาวนัก ร้อนนัก เย็นเสียแล้ว
นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ
ไม่พึงทําประโยชน์แก่ผู้มุ่งความ พินาศ
รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา
พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม
นิสมมฺ กรณํ เสยฺโย
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทําดีกว่า
ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
บุคคล หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ผู้ทํากรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทํากรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว
น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
ทํากรรมใดแล้วร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทําแล้วนั้นไม่ดี
ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
ทํากรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทํานั้นแลเป็นดี
สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ
ความดี อันคนชั่วทํายาก
สกุรํ สาธุนา สาธุ
ความดี อันคนดีทําง่าย
สานิ กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคตึ
กรรมชั่วของตนเอง ย่อมนําไปสู่ทุคคติ
อุฏฺฐานวโต สติมโต สุ จิกมฺมสฺส นิสมฺมาการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ
ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ
มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทํา ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท
อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสฺ สุตฺเตสุ พหุชาคโร อพลสฺสํว สีฆสฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส
คนมีปัญญาดีไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อผู้อื่นหลับ ย่อมละทิ้งคนนั้น เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกําลังไป ฉะนั้น
อปฺปมาโท อมตํ ปทํ
ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย
อปฺปมตฺตา น มียนฺต
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต ปปฺโปติ วิปุลํ สุขํ
ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์
อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐํว รกฺขติ
ปราชญ์ ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์อันประเสริฐ
อตฺตานเมว ปฐมํ ปฏิรูเป นิเวสเย อถญฺญมนุสาเสยฺย น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต
บัณฑิต พึงตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน สอนผู้อื่นภายหลัง จึงไม่มัวหมอง
ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร
จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช้างตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น
อตฺตา นํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตน
สุ ทนฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม
ผู้ ฝึกตนดี ควรฝึกผู้อื่น ได้ยินว่าตนแลฝึกยาก
อตฺตาน ญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ
ถ้า รู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทําตนฉันนั้น
อตฺตตฺถปัญญา อสุจี มนุสฺสา
มนุษย์ผู้เห็นแก่ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด
อตฺต นา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ
ตนทําบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง
อตฺตา สุทนฺโต ปุริสสฺส โชติ
ตนที่ฝึกดีแล้วเป็นแสงสว่างของบุรุษ
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี